เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1850 Andreas Hamm พร้อมหุ้นส่วนสามคนได้ร่วมกันก่อตั้งโรงหล่อระฆังและโรงงานเครื่องจักร Hemmer, Hamm & Co. ในเมือง Frankenthal อีกทั้งยังริเริ่มการผลิตเครื่องพิมพ์ที่ล้ำสมัยร่วมด้วย จากเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นจุดกำเนิดของ HEIDELBERG
ในปี ค.ศ. 1894 Wilhelm Müller ได้รับช่วงต่อโรงงาน Schnellpressenfabrik ของครอบครัว Hamm และย้ายฐานการผลิตไปยังเมือง Heidelberg ซึ่งเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Neckar ถึงแม้จะเจอความท้าทายทางเศรษฐกิจอยู่บ้าง ในช่วงปี ค.ศ. 1900 แต่ด้วยความมุ่งมั่นและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนอนาคต สร้างแรงผลักดันใหม่โดยการผลิตเครื่องพิมพ์โรตารี่ Heureka ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ส่งผลให้บริษัทเติบโตและก้าวหน้าอย่างมั่นคง
ปี 1921 เครื่องพิมพ์แบบแท่นอัตโนมัติ Schnellpressenfabrik ถูกผลิตขึ้นเป็นเครื่องแรก หรือที่รู้จักกันในชื่อ Heidelberg Windmill เป็นเครื่องพิมพ์ที่ถูกผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1926
อีกทั้งเครื่องพิมพ์ Tiegel ยังเป็นแบบเลตเตอร์เพรส ที่สามารถพิมพ์ได้ถึง 3,000 แผ่นต่อชั่วโมง จนกลายเป็นสินค้าที่ขายดีและขายต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
ปี 1950 เดือนตุลาคม Schnellpressenfabrik Heidelberg ได้จัดงานฉลองครบรอบ 100 ปี โดยการเฉลิมฉลองในครั้งนี้ถูกจัดขึ้น ณ ห้องผลิต
โมเครื่องพิมพ์และมีแขกเข้าร่วมมากกว่า 200 คน อีกทั้งงานในครั้ง
นี้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมและช่วยกันเตรียมงานด้วยตนเองอีกด้วย
ปี 1951 Hubert H.A. Sternberg CEO ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลของ HEIDELBERG ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งงาน drupa ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมและจัดแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์ ไฮไลท์ของงานครั้งแรกนี้คือการจัดแสดงเครื่องพิมพ์รุ่นล่าสุด Tiegel ที่สามารถพิมพ์ได้ถึง 5,000 แผ่นต่อชั่วโมง ปัจจุบันกลายเป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมการพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในนิทรรศการชั้นนำของยุโรป
“ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ” หรือช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
ในเดือนกรกฎาคม ปี 1957 Schnellpressenfabrik Heidelberg ได้เปิดโรงงานใหม่ในเมือง Wiesloch โดยระยะแรกของการก่อสร้างประกอบไปด้วยห้องผลิตจำนวนสองห้อง อาคารสำนักงานบริหาร อาคารสำนักงาน และห้องอื่นๆอีกจำนวนสามห้อง ถูกสร้างขึ้นเรื่อยมาจนถึงปี 1968
ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการพัฒนาที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน เครื่องพิมพ์ Speedmaster เปิดตัวครั้งแรกในปี 1974 ที่ชิคาโก้ ด้วยความเร็ว 11,000 แผ่นต่อชั่วโมง และหนึ่งปีต่อมาเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทแบบป้อนแผ่นมัลติคัลเลอร์ได้ออกสู่ตลาดอุตสาหกรรมการพิมพ์อย่างเป็นทางการ และกลายเป็นต้นแบบของเครื่องพิมพ์รุ่นต่างๆของบริษัท จนถึงปัจจุบัน
HEIDELBERG เข้าซื้อหุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ในบริษัท Gallus ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดด้านการพิมพ์ฉลากจากสวิตเซอร์แลนด์
ต่อมาในปี 2014 HEIDELBERG ได้เข้าซื้อบริษัททั้งหมด โดย Ferdinand Rüesch อดีตเจ้าของ Gallus ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักที่บริษัท HEIDELBERG
ในปีที่เต็มไปด้วยความกังวลและความคาดหวัง HEIDELBERG ได้นำอุตสาหกรรมการพิมพ์เข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วย Prinect ซอฟต์แวร์เวิร์กโฟลว์เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้การดำเนินงานในขั้นตอนก่อนการพิมพ์และการพิมพ์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยการรวมขั้นตอนการผลิตเข้าด้วยกันเพื่อให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
ในช่วงต้นปี 2000s HEIDELBERG เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งแรกในประเทศจีน ที่ Qingpu แถบชานเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยเริ่มต้นในปี 2006 ด้วยการผลิตเครื่องพับ ต่อมาปี 2007 ได้ผลิตเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ตแบบป้อนแผ่นออกสู่อุตสาหกรรมการพิมพ์ในจีน ส่งผลให้ในปี 2010 ได้มีสร้างห้องผลิตเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบัน Qingpu ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความสำเร็จของเรา
HEIDELBERG ได้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลด้วยแนวคิด Push to Stop ที่ช่วยให้การผลิตเป็นแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบตั้งแต่ขั้นตอนก่อนพิมพ์จนถึงการพิมพ์ โดยมีระบบช่วยเหลืออัจฉริยะที่ช่วยแนะนำผู้ปฏิบัติงานให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับกระบวนการพิมพ์ นอกจากนี้ยังมี HEIDELBERG eShop ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนอะไหล่ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
ปี 2018 HEIDELBERG ได้ใช้ความสามารถและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจ
e-mobility ด้วยการผลิตสถานีชาร์จประสิทธิภาพสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยจัดส่งให้กับผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียม และขายตรงให้กับลูกค้าประมาณ 20,000 หน่วย
ในเวลาเพียงไม่กี่ปี HEIDELBERG wallboxes มากกว่า 200,000 หน่วย ถูกจำหน่ายและกำลังขยายตัวออกไปตามประเทศต่างๆ นอกจากเยอรมนี
ปี 2020 HEIDELBERG ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ตัวแรกที่ช่วยในขั้นตอนหลังการพิมพ์ชื่อ StackStar P เพื่อช่วยลดภาระการยกของหนักสำหรับผู้ปฏิบัติงานหลังการพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องจัดการกับกระดาษมากถึงเจ็ดตัน (...... นั่นมันมากกว่าช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกนะ!)
ต่อมาในปี 2024 เราได้พัฒนา StackStar C รุ่นใหม่ที่ช่วยยกระดับการทำงานแบบอัตโนมัติในโรงพิมพ์ไปอีกขั้น
การพิมพ์แบบเฟล็กโซ (Flexo printing) กำลังกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีชั้นนำในตลาดบรรจุภัณฑ์
ในปี 2023 HEIDELBERG เปิดตัว Boardmaster ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ล้ำสมัยสำหรับการพิมพ์กล่องพับคุณภาพสูง พัฒนาโดยได้รับความร่วมมือกับลูกค้าต่างประเทศ ซึ่ง Boardmaster นั้นมุ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของลูกค้า ได้แก่ ความคุ้มค่าต้นทุน, ผลผลิต, การขาดแคลนทักษะ, และความยั่งยืน
drupa กลับมาอีกครั้งหลังจากหยุดไปแปดปี และครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับ HEIDELBERG มีการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีอิงค์เจ็ท Jetfire 50 ที่พัฒนาร่วมกับ Canon และนำเสนอการใช้งานระบบ Prinect ที่สามารถทำงานร่วมกับเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทได้อย่างราบรื่น ปัจจุบัน HEIDELBERG มีเทคโนโลยีการพิมพ์ทุกประเภทในพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ของตนเอง
Print Media Center หรือ PMC ใน Wiesloch-Walldorf ถูกรีโนเวทและกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งในชื่อ “Home of Print” บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร สามารถสัมผัสประสบการณ์และโซลูชันการพิมพ์ใหม่ที่ทันสมัยได้ที่นี่
ปีนี้เราภูมิใจฉลองครบรอบ 175 ปี ของ Heidelberger Druckmaschinen AG ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญ บริษัทของเราได้รับการนิยามจากความมุ่งมั่นในการรับฟังลูกค้า จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม ความเป็นเลิศของวิศวกร และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเรา ตั้งแต่ปี 1850 Heidelberg ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของโซลูชันการพิมพ์ที่ล้ำสมัยและได้รับการยอมรับทั่วโลก
เรามีความสามารถในการคิดค้นและนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปใช้ ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา โดยได้รับแรงผลักดันจากความคิดสร้างสรรค์และความทุ่มเทของพนักงานของเรา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับลูกค้ามากที่สุด ความมีประสิทธิภาพนี้เป็นรากฐานของความเป็นผู้นำที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการพิมพ์ เราเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษนี้และมองไปยังอนาคตด้วยความเคารพต่อมรดกของเราและความมุ่งมั่นที่จะยอมรับโอกาสใหม่ ๆ ด้วยความกล้าหาญ เราขอขอบคุณพนักงานทุกคน ลูกค้า พันธมิตร และผู้ถือหุ้นของเราสำหรับความภักดีและความไว้วางใจ เรากำลังสร้างอนาคตที่ยึดถือคุณค่าและนวัตกรรมใหม่ๆร่วมกัน
จากซ้ายไปขวา: และเยอร์เกน อ็อตโต (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร), ดร. เดวิด ชเมดดิง (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและการขาย)