03/04/2561
ในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2558 กลุ่มบริษัท เลนซิ่ง ดรุ๊ค (Lensing Druck Group) ได้ควบรวมธุรกิจการพิมพ์ออฟเซตป้อนแผ่นและการพิมพ์ดิจิทัลของโรงพิมพ์ เวสท์มุนสเตอร์แลนด์ เมืองเอฮอส (Westmünsterland Druck, Ahaus) และโรงพิมพ์ฮิทเซกราด พริ้นท์ มีเดียน แอนด์ เซอร์วิช เมืองดอนท์มุนต์ (Hitzegrad Print Medien & Service, Dortmund) ไปตั้งที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองดอนท์มุนต์-เคลย์ (Dortmund-Kley) ซึ่งมีพนักงานประมาณ 100 คน ทั้งนี้ได้มีการขยายพื้นที่ในส่วนของการพิมพ์งานคอมเมอร์เชียลให้เพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ตารางเมตร (64,500 ตารางฟุต) ปัจจุบันโรงพิมพ์เลนซิ่งได้มีเลือกใช้โมเดลธุรกิจใหม่ Heidelberg Subscription จากบริษัท Heidelberger Druckmaschinen AG (Heidelberg) เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในการพิมพ์และคงความยืดหยุ่นได้การผลิตงานพิมพ์ได้
โมเดลธุรกิจยุคดิจิทัลลรูปแบบใหม่จากไฮเดลเบิร์กที่ได้นำเสนอให้กับโรงพิมพ์เลนซิ่งนั้น ประกอบด้วยส่วนการทำงานทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการใช้ดำเนินธุรกิจการพิมพ์ให้ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่เครื่องพิมพ์ ซอฟต์แวร์ วัสดุและเคมีภัณฑ์ทางการพิมพ์รวมถึงส่วนการให้บริการทั้งหมดด้วย สิ่งที่โรงพิมพ์เลนซิ่งจะได้รับกลับคืนคือการใช้ความสามารถและกำลังในการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการงานพิมพ์ของลูกค้า โดยโรงพิมพ์เลนซิ่งจะเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าการใช้งานจริงเท่านั้น (pay-per-use) ซึ่งคาดว่าตลอดระยะเวลาสัญญาห้าปี กำลังการผลิตโดยรวมของโรงพิมพ์เลนซิ่งจะเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการใช้ส่วนประกอบที่ดีทั้งหมดนั่นเอง
“ด้วยการผลิตงานพิมพ์ที่ได้คุณภาพสูง ประกอบกับโรงพิมพ์คอมเมอร์เชียลแห่งใหม่ในเมืองดอร์ทมุนต์-เคลย์ ทำให้เราสามารถให้บริการลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นและการที่เราเลือกใช้โมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription ทำให้เราแน่ใจว่าจะสามารถให้ความสำคัญและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้เราก้าวไปอีกขั้นเพื่อบรรลุการเติบโตทางธุรกิจและในขณะเดียวกันเรากำลังเตรียมความพร้อมและปรับกระบวนการผลิตเพื่อจะเข้าสู่การผลิตในยุคดิจิทัล” มร.มาร์ติน เครเมอร์ (Martin Cremer) กรรมการผู้จัดการกลุ่มโรงพิมพ์เลนซิ่ง กล่าว
ศาสตราจารย์ ดร. อูลริช เฮอร์แมน (Prof. Dr. Ulrich Hermann) สมาชิกคณะกรรมการบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลของไฮเดลเบิร์กกล่าวว่า “มีจำนวนโรงพิมพ์คอมเมอร์เชียลและบรรจุภัณฑ์มากขึ้นที่ให้ความสนใจและต้องการนำโมเดลธุรกิจยุคดิจิทัลรูปแบบใหม่นี้ไปใช้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของโมเดลธุรกิจนี้ที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงพิมพ์ และเป้าหมายของเราในฐานะเป็นซัพพลายเออร์ของโรงพิมพ์คือการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง! เรายังเห็นอีกด้วยว่านอกเหนือจากเครื่องพิมพ์ที่ใช้สัญญาโมเดลธุรกิจใหม่นี้ เครื่องพิมพ์อื่นๆ ที่มีอยู่ในโรงพิมพ์ได้เปลี่ยนมาใช้วัสดุและเคมีภัณฑ์ทางการพิมพ์ของเราเพิ่มมากขึ้นเพื่อประโยชน์สูงสุดในการลดเวลาในการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม”
โมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription มีขึ้นเพื่อรองรับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง pay-per-use ในอุตสาหกรรมการผลิตเครี่องจักรและมีเป้าหมายที่จะขยับตัวเองออกจากการเติบโตจากธุรกิจที่เกิดขึ้นจากการขายและติดตั้งเครื่องจักรเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติมและรูปภาพเกี่ยวกับไฮเดลเบิร์ก กรุณาเยี่ยมชม Press Lounge ของ Heidelberger Druckmaschinen AG ที่ www.heidelberg.com
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัท เลนซิ่ง ดรัค กรุ๊ป ที่:
www.lensingdruck.de
Heidelberg IR ทาง Twitter:
ลิงก์ไปยังช่อง IR Twitter: https://twitter.com/Heidelberg_IR
ภายใต้ชื่อ Twitter: @Heidelberg_IR
ข้อมูลเพิ่มเติม:
Heidelberger Druckmaschinen AG
แผนกการสื่อสาร
Matthias Hartung
โทรศัพท์: +49 6222 82-67174
โทรสาร: +49 6222 82-9967972
E-mail: matthias.hartung@heidelberg.com
เทคโนโลยี Push to Stop จากไฮเดลเบิร์กซึ่งจัดแสดงที่งานดรูป้าที่ผ่านมาเมื่อปี ค.ศ. 2016 นั้น ตรงกับความต้องการของตลาดเนื่องจากกระบวนการทำงานดิจิทัลเข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญในการผลิตมากขึ้น เทคโนโลยี Push to Stop นี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกุญแจสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของโรงพิมพ์เลนซิ่งในไซต์ ดอร์ทมุนต์-เคลย์ ในการลงทุนเครื่องพิมพ์ Speedmaster XL 106 พร้อมโมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription
"ด้วยความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลที่ดีและเทคโนโลยี Push to Stop นับว่าเป็นจุดแข็งสำคัญในการนำเสนอโมเดลธุรกิจ Subscription ซึ่งไฮเดลเบิร์กสามารถใช้ความเชี่ยวชาญนี้ในการสร้างธุรกิจใหม่ ทำให้โรงพิมพ์มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการแข่งขันที่มากขึ้น” ศ. ดร. เฮอร์แมน กล่าว
ข้อมูลแบบวิดีโอสำหรับทุกท่านที่สนใจรูปแบบการสมัครไฮเดลเบิร์กมีอยู่ที่:
ไฮเดลเบิร์กและโรงพิมพ์เลนซิ่ง ดรุ๊ค กรุ๊ป ซึ่งเป็นลูกค้าสำหรับโมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription (จากซ้าย): ดร. เดวิด ชเมดดิ้ง (Dr.David Schmedding) หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและธุรกิจดิจิทัลที่ไฮเดลเบิร์ก มร.มาร์ติน เครเมอร์ (Martin Cremer) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลนซิ่ง ดรุ๊ค กรุ๊ป(คนที่ 3 จากซ้าย) และ ศ. ดร. อูลริช เฮอร์แมน (Prof. Dr. Ulrich Hermann) สมาชิกคณะกรรมการบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลของไฮเดลเบิร์ก (ที่ 5 จากซ้าย) พร้อมด้วยตัวแทนจากโรงพิมพ์เลนซิ่งและไฮเดลเบิร์ก
03/04/2561
ในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2558 กลุ่มบริษัท เลนซิ่ง ดรุ๊ค (Lensing Druck Group) ได้ควบรวมธุรกิจการพิมพ์ออฟเซตป้อนแผ่นและการพิมพ์ดิจิทัลของโรงพิมพ์ เวสท์มุนสเตอร์แลนด์ เมืองเอฮอส (Westmünsterland Druck, Ahaus) และโรงพิมพ์ฮิทเซกราด พริ้นท์ มีเดียน แอนด์ เซอร์วิช เมืองดอนท์มุนต์ (Hitzegrad Print Medien & Service, Dortmund) ไปตั้งที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองดอนท์มุนต์-เคลย์ (Dortmund-Kley) ซึ่งมีพนักงานประมาณ 100 คน ทั้งนี้ได้มีการขยายพื้นที่ในส่วนของการพิมพ์งานคอมเมอร์เชียลให้เพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ตารางเมตร (64,500 ตารางฟุต) ปัจจุบันโรงพิมพ์เลนซิ่งได้มีเลือกใช้โมเดลธุรกิจใหม่ Heidelberg Subscription จากบริษัท Heidelberger Druckmaschinen AG (Heidelberg) เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในการพิมพ์และคงความยืดหยุ่นได้การผลิตงานพิมพ์ได้
โมเดลธุรกิจยุคดิจิทัลลรูปแบบใหม่จากไฮเดลเบิร์กที่ได้นำเสนอให้กับโรงพิมพ์เลนซิ่งนั้น ประกอบด้วยส่วนการทำงานทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการใช้ดำเนินธุรกิจการพิมพ์ให้ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่เครื่องพิมพ์ ซอฟต์แวร์ วัสดุและเคมีภัณฑ์ทางการพิมพ์รวมถึงส่วนการให้บริการทั้งหมดด้วย สิ่งที่โรงพิมพ์เลนซิ่งจะได้รับกลับคืนคือการใช้ความสามารถและกำลังในการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการงานพิมพ์ของลูกค้า โดยโรงพิมพ์เลนซิ่งจะเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าการใช้งานจริงเท่านั้น (pay-per-use) ซึ่งคาดว่าตลอดระยะเวลาสัญญาห้าปี กำลังการผลิตโดยรวมของโรงพิมพ์เลนซิ่งจะเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการใช้ส่วนประกอบที่ดีทั้งหมดนั่นเอง
“ด้วยการผลิตงานพิมพ์ที่ได้คุณภาพสูง ประกอบกับโรงพิมพ์คอมเมอร์เชียลแห่งใหม่ในเมืองดอร์ทมุนต์-เคลย์ ทำให้เราสามารถให้บริการลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นและการที่เราเลือกใช้โมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription ทำให้เราแน่ใจว่าจะสามารถให้ความสำคัญและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้เราก้าวไปอีกขั้นเพื่อบรรลุการเติบโตทางธุรกิจและในขณะเดียวกันเรากำลังเตรียมความพร้อมและปรับกระบวนการผลิตเพื่อจะเข้าสู่การผลิตในยุคดิจิทัล” มร.มาร์ติน เครเมอร์ (Martin Cremer) กรรมการผู้จัดการกลุ่มโรงพิมพ์เลนซิ่ง กล่าว
ศาสตราจารย์ ดร. อูลริช เฮอร์แมน (Prof. Dr. Ulrich Hermann) สมาชิกคณะกรรมการบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลของไฮเดลเบิร์กกล่าวว่า “มีจำนวนโรงพิมพ์คอมเมอร์เชียลและบรรจุภัณฑ์มากขึ้นที่ให้ความสนใจและต้องการนำโมเดลธุรกิจยุคดิจิทัลรูปแบบใหม่นี้ไปใช้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของโมเดลธุรกิจนี้ที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงพิมพ์ และเป้าหมายของเราในฐานะเป็นซัพพลายเออร์ของโรงพิมพ์คือการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง! เรายังเห็นอีกด้วยว่านอกเหนือจากเครื่องพิมพ์ที่ใช้สัญญาโมเดลธุรกิจใหม่นี้ เครื่องพิมพ์อื่นๆ ที่มีอยู่ในโรงพิมพ์ได้เปลี่ยนมาใช้วัสดุและเคมีภัณฑ์ทางการพิมพ์ของเราเพิ่มมากขึ้นเพื่อประโยชน์สูงสุดในการลดเวลาในการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม”
โมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription มีขึ้นเพื่อรองรับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง pay-per-use ในอุตสาหกรรมการผลิตเครี่องจักรและมีเป้าหมายที่จะขยับตัวเองออกจากการเติบโตจากธุรกิจที่เกิดขึ้นจากการขายและติดตั้งเครื่องจักรเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติมและรูปภาพเกี่ยวกับไฮเดลเบิร์ก กรุณาเยี่ยมชม Press Lounge ของ Heidelberger Druckmaschinen AG ที่ www.heidelberg.com
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัท เลนซิ่ง ดรัค กรุ๊ป ที่:
www.lensingdruck.de
Heidelberg IR ทาง Twitter:
ลิงก์ไปยังช่อง IR Twitter: https://twitter.com/Heidelberg_IR
ภายใต้ชื่อ Twitter: @Heidelberg_IR
ข้อมูลเพิ่มเติม:
Heidelberger Druckmaschinen AG
แผนกการสื่อสาร
Matthias Hartung
โทรศัพท์: +49 6222 82-67174
โทรสาร: +49 6222 82-9967972
E-mail: matthias.hartung@heidelberg.com
เทคโนโลยี Push to Stop จากไฮเดลเบิร์กซึ่งจัดแสดงที่งานดรูป้าที่ผ่านมาเมื่อปี ค.ศ. 2016 นั้น ตรงกับความต้องการของตลาดเนื่องจากกระบวนการทำงานดิจิทัลเข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญในการผลิตมากขึ้น เทคโนโลยี Push to Stop นี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกุญแจสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของโรงพิมพ์เลนซิ่งในไซต์ ดอร์ทมุนต์-เคลย์ ในการลงทุนเครื่องพิมพ์ Speedmaster XL 106 พร้อมโมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription
"ด้วยความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลที่ดีและเทคโนโลยี Push to Stop นับว่าเป็นจุดแข็งสำคัญในการนำเสนอโมเดลธุรกิจ Subscription ซึ่งไฮเดลเบิร์กสามารถใช้ความเชี่ยวชาญนี้ในการสร้างธุรกิจใหม่ ทำให้โรงพิมพ์มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีความสามารถในการแข่งขันที่มากขึ้น” ศ. ดร. เฮอร์แมน กล่าว
ข้อมูลแบบวิดีโอสำหรับทุกท่านที่สนใจรูปแบบการสมัครไฮเดลเบิร์กมีอยู่ที่:
ไฮเดลเบิร์กและโรงพิมพ์เลนซิ่ง ดรุ๊ค กรุ๊ป ซึ่งเป็นลูกค้าสำหรับโมเดลธุรกิจ Heidelberg Subscription (จากซ้าย): ดร. เดวิด ชเมดดิ้ง (Dr.David Schmedding) หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและธุรกิจดิจิทัลที่ไฮเดลเบิร์ก มร.มาร์ติน เครเมอร์ (Martin Cremer) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลนซิ่ง ดรุ๊ค กรุ๊ป(คนที่ 3 จากซ้าย) และ ศ. ดร. อูลริช เฮอร์แมน (Prof. Dr. Ulrich Hermann) สมาชิกคณะกรรมการบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านดิจิทัลของไฮเดลเบิร์ก (ที่ 5 จากซ้าย) พร้อมด้วยตัวแทนจากโรงพิมพ์เลนซิ่งและไฮเดลเบิร์ก