ผลกำไรที่ได้มากขึ้นในการพิมพ์งานที่มียอดพิมพ์น้อยด้วยเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดจากไฮเดลเบิร์กอนิคัลเลอร์

01/04/2559

  • อนิคัลเลอร์ 2 (Anicolor 2) เทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่งาน drupa 2016 สำหรับเครื่องพิมพ์ในตระกูล สปีดมาสเตอร์ XL75 เพื่อความคล่องตัวต่อการพิมพ์และความเร็วในการผลิตที่มากขึ้น
  • อนิคัลเลอร์ บูสเตอร์ (Anicolor Booster) เพื่อเพิ่มขอบเขตหมึกพิมพ์ให้มากขึ้นและการปรับตั้งที่เพิ่มขึ้น
  • เปลี่ยนหมึกได้เร็วขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
  • ลดระยะเวลาในการเตรียมพร้อมพิมพ์ด้วยการใช้งานโปรแกรมการไม่ต่อหมึก (Ink shut-off) ที่สามารถเลือกได
  • กระบวนการผลิตที่สม่ำเสมอด้วยการใช้วัสดุอุปกรณ์ทางการพิมพ์ที่เหมาะสมจาก Saphira
  • การทดลองใช้จริงของโรงพิมพ์ได้ผลผลิตที่มากขึ้นด้วยเครื่องพิมพ์อนิคัลเลอร์ 2

สิ่งที่โรงพิมพ์คอมเมอร์เชียลและโรงพิมพ์งานบรรจุภัณฑ์เหมือนกัน คือทั้งสองธุรกิจต่างต้องการให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพที่ดี เพื่อที่จะสามารถรองรับการพิมพ์งานยอดสั้นที่ลูกค้ามีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงของการสั่งซื้อรวมทั้งวัสดุพิมพ์ที่หลากหลายขึ้น โดยที่ต้องการผลกำไรให้ได้เหมือนเช่นเดิม ในขณะที่งานพิมพ์สี่สีมาตรฐาน CMYK ถูกใช้ในการพิมพ์งานโฆษณา แต่การพิมพ์บรรจุภัณฑ์และฉลากเป็นการใช้สีพิเศษจำนวนมากที่เปลี่ยนไปตามความต้องการ นี่คือโจทย์ที่ทางไฮเดลเบิร์กได้ทำการคิดค้นเทคโนโลยีการถ่ายทอดหมึกที่สั้นลงในอนิคัลเลอร์ขึ้นมา เพื่อนำเสนอวิธีการที่คล่องตัวต่อการพิมพ์งานที่มียอดพิมพ์น้อย ข้อดีที่จะได้รับสามารถสรุปได้ในสูตร 90-50-50 คือ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ที่ลดจำนวนของเสียลงได้เนื่องจากการถ่ายทอดหมึกที่เร็วและคงที่สม่ำเสมอ ใช้กระดาษเพียงแค่ 20-30 แผ่นในตอนเริ่มพิมพ์เพื่อให้ได้สีที่ตรงตามต้องการ ผลลัพธ์ก็คือการลดเวลาการเตรียมพิมพ์ลง 50 เปอร์เซ็นต์ บวกกับอีก 50 เปอร์เซ็นที่สามารถเพิ่มผลผลิตที่ได้รับ

“ลูกค้าของเราต้องเผชิญความท้าทายใหม่ และเรามีวิธีการรวมถึงคำตอบสำหรับพวกเขาทั้งในส่วนของงานพิมพ์ดิจิตอลและงานพิมพ์ออฟเซต” คุณสเตฟาน เพล้นซ์ หนึ่งในกรรมการบริหารที่ดูแลในส่วนเครื่องพิมพ์ของไฮเดลเบิร์กได้อธิบายไว้ “เทคโนโลยีของอนิคัลเลอร์ถูกใช้ในการพิมพ์จำนวนน้อยไปจนถึงปานกลาง และยังครอบคลุมงานพิมพ์ที่เพิ่มมากขึ้นกับอนิคัลเลอร์ 2”

อนิคัลเลอร์ 2 – ความเข้มสีที่มากขึ้นเพียงแค่การกดปุ่มเพื่อประหยัดเวลาได้ถึง 15 นาที
ออกแบบอย่างลงตัวกับวัสดุทางการพิมพ์จากซาฟีร่า
การทดลองใช้จริงของโรงพิมพ์ได้ผลผลิตที่มากขึ้นด้วย อนิคัลเลอร์ 2

ผลกำไรที่ได้มากขึ้นในการพิมพ์งานที่มียอดพิมพ์น้อยด้วยเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดจากไฮเดลเบิร์กอนิคัลเลอร์

01/04/2559

สิ่งที่โรงพิมพ์คอมเมอร์เชียลและโรงพิมพ์งานบรรจุภัณฑ์เหมือนกัน คือทั้งสองธุรกิจต่างต้องการให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพที่ดี เพื่อที่จะสามารถรองรับการพิมพ์งานยอดสั้นที่ลูกค้ามีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงของการสั่งซื้อรวมทั้งวัสดุพิมพ์ที่หลากหลายขึ้น โดยที่ต้องการผลกำไรให้ได้เหมือนเช่นเดิม ในขณะที่งานพิมพ์สี่สีมาตรฐาน CMYK ถูกใช้ในการพิมพ์งานโฆษณา แต่การพิมพ์บรรจุภัณฑ์และฉลากเป็นการใช้สีพิเศษจำนวนมากที่เปลี่ยนไปตามความต้องการ นี่คือโจทย์ที่ทางไฮเดลเบิร์กได้ทำการคิดค้นเทคโนโลยีการถ่ายทอดหมึกที่สั้นลงในอนิคัลเลอร์ขึ้นมา เพื่อนำเสนอวิธีการที่คล่องตัวต่อการพิมพ์งานที่มียอดพิมพ์น้อย ข้อดีที่จะได้รับสามารถสรุปได้ในสูตร 90-50-50 คือ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ที่ลดจำนวนของเสียลงได้เนื่องจากการถ่ายทอดหมึกที่เร็วและคงที่สม่ำเสมอ ใช้กระดาษเพียงแค่ 20-30 แผ่นในตอนเริ่มพิมพ์เพื่อให้ได้สีที่ตรงตามต้องการ ผลลัพธ์ก็คือการลดเวลาการเตรียมพิมพ์ลง 50 เปอร์เซ็นต์ บวกกับอีก 50 เปอร์เซ็นที่สามารถเพิ่มผลผลิตที่ได้รับ

“ลูกค้าของเราต้องเผชิญความท้าทายใหม่ และเรามีวิธีการรวมถึงคำตอบสำหรับพวกเขาทั้งในส่วนของงานพิมพ์ดิจิตอลและงานพิมพ์ออฟเซต” คุณสเตฟาน เพล้นซ์ หนึ่งในกรรมการบริหารที่ดูแลในส่วนเครื่องพิมพ์ของไฮเดลเบิร์กได้อธิบายไว้ “เทคโนโลยีของอนิคัลเลอร์ถูกใช้ในการพิมพ์จำนวนน้อยไปจนถึงปานกลาง และยังครอบคลุมงานพิมพ์ที่เพิ่มมากขึ้นกับอนิคัลเลอร์ 2”

อนิคัลเลอร์ 2 – ความเข้มสีที่มากขึ้นเพียงแค่การกดปุ่มเพื่อประหยัดเวลาได้ถึง 15 นาที

ไฮเดลเบิร์กจะนำเสนอรุ่นต่อไปของเทคโนโลยีอนิคัลเลอร์ในงาน drupa 2016 กับสปีดมาสเตอร์ XL75 Anicolor 2 เพื่อความคล่องตัว, ความเร็ว และผลผลิตที่ได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้รับจากการพัฒนา 3 สิ่ง สิ่งแรกคือ อนิคัลเลอร์ บูสเตอร์ เพียงแค่การกดปุ่มในหน้าจอของโต๊ะควบคุมการทำงานของเครื่องพิมพ์ (Prinect Press Center) ก็จะได้รับขอบเขตจากหมึกที่มากขึ้น ด้วยการพัฒนาการปรับตั้งความเข้มสีของหมึกพิมพ์บนวัสดุพิมพ์ต่างๆ เมื่อก่อนหากเราต้องการพิมพ์บนกระดาษที่มีลักษณะการดูดซึมมาก เราจะต้องล้างเพื่อเปลี่ยนหมึกในรางใหม่ แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้ช่วยลดขั้นตอนนี้ไป นี่คือการช่วยลดเวลาในการเตรียมพิมพ์เมื่อต้องการเปลี่ยนจากกระดาษเคลือบผิวเป็นกระดาษไม่เคลือบผิวในการพิมพ์คอมเมอร์เชียล เนื่องจากตอนนี้กระดาษทั้งสองชนิดสามารถพิมพ์ได้ด้วยหมึกพิมพ์เพียงรุ่นเดียว และในส่วนของการพิมพ์งานบรรจุภัณฑ์ก็ได้รับผลดีนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เป็นการช่วยลดเวลาได้มากถึง 15 นาทีในการที่ไม่ต้องเปลี่ยนลูกกลิ้งสกรีน ความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนลูกกลิ้งสกรีนที่ใหญ่ขึ้นจะเกิดขึ้นเฉพาะในการพิมพ์หมึกพิมพ์สีขาว, สีทอง และสีเงิน

อีกสิ่งหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาก็คือโปรแกรมการล้างทำความสะอาดที่เร็วขึ้น ทำให้การเปลี่ยนหมึกพิมพ์ที่ใช้ทำได้เร็วขึ้น และลดเวลาในการเตรียมพร้อมพิมพ์ลงได้ ด้วยการเพิ่มเป็น 9,000 รอบต่อชั่วโมงจากเดิมเพียง 7,000 รอบต่อชั่วโมง ผลลัพธ์ที่ได้คือการเปลี่ยนเฉดสีที่เร็วขึ้นมากกว่า 1 นาที ช่วยให้โรงพิมพ์งานบรรจุภัณฑ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนหมึกพิมพ์ 1-2 สีต่องานให้พิมพ์งานได้มากขึ้น 2-3 งานต่อวัน

สิ่งต่อมาที่ถูกพัฒนาคือ ช่างพิมพ์สามารถเลือกการทำ การไม่ต่อหมึก (Ink shut-off) ได้ตั้งแต่ระดับมาตรฐาน, สั้น และ ไม่ต้องทำ ขึ้นกับความต้องการของสีในแต่ละงานพิมพ์ที่พิมพ์ต่อกัน การลดเวลาในการไม่ต่อหมึก (Ink shut-off) สามารถลดเวลาลงได้ 20 วินาที หรือถ้าหากไม่จำเป็นต้องทำก็จะลดได้ถึง 40 วินาที ตัวเลือกในการ “ไม่ต้องทำ” นี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานพิมพ์ที่มีรูปแบบเหมือนกัน

ออกแบบอย่างลงตัวกับวัสดุทางการพิมพ์จากซาฟีร่า

ผลประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับนั้นสามารถเพิ่มมากขึ้นด้วยการใช้วัสดุทางพิมพ์ที่ทดสอบแล้วจาก Saphira กับชุดวัสดุที่จำเป็นในการเริ่มต้นจาก Saphira หมึกพิมพ์ที่ถูกออกแบบเฉพาะ ให้ความสม่ำเสมอต่อเนื่องตลอดการพิมพ์งาน และได้คุณภาพที่ดีทุกๆครั้งที่พิมพ์งาน

“เรานำเสนอสปีดมาสเตอร์ XL75 Anicolor ตัวต้นแบบในงาน drupa 2012 และเราขายได้มากกว่า 200 หน่วยพิมพ์นับตั้งแต่นั้น โดยสามารถแบ่งเป็นตลาดคอมเมอร์เชียลและงานบรรจุภัณฑ์อย่างละครึ่ง” คุณสเตฟาน เพล้นซ์ อธิบาย “ในงาน drupa ที่จะถึงนี้ เราจะแสดงให้เห็นความง่ายในการพิมพ์งานจำนวนน้อยในเวลาอันรวดเร็ว, ความคล่องตัวในการทำงาน และคุ้มค่าด้วยการพิมพ์ออฟเซ็ทจากเครื่องสปีดมาสเตอร์ XL75 Anicolor 2 อีกประเด็นคือการที่เครื่องพิมพ์และวัสดุในการพิมพ์มีการใช้งานร่วมกันได้อย่างลงตัวและทำให้เกิดมาตรฐาน รวมไปถึงกระบวนการทั้งหมดที่รวดเร็วโดยซอฟต์แวร์พริ้นเน็คท์ (Prinect) ที่เชื่อมต่อขั้นตอนการทำงานในโรงพิมพ์”

ที่งาน drupa 2016 เครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ XL 75 Anicolor 2 จะถูกนำเสนอในส่วนของ IST ในฮอลล์ 2 ตรงบริเวณทางเดินสู่ไฮเดลเบิร์กใน Hall 1 โดยนำเสนอเครื่องพิมพ์ 6 สีพร้อมป้อมเคลือบ และรวมถึงระบบยูวีแบบเต็มรูปแบบ เราจะแสดงให้เห็นว่าสามารถประหยัดต้นทุนในส่วนของวัสดุที่ใช้ได้เห็นผลเพียงใดกับอนิคัลเลอร์ 2 ที่พิมพ์ยูวีบนวัสดุที่มีราคาสูง เป็นวัสดุที่ไม่ดูดซึมหมึกพิมพ์ โดยเสียวัสดุในการเตรียมพิมพ์เพียงเล็กน้อย

อนิคัลเลอร์ 2 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่, หน่วยป้อนกระดาษใหม่ และโต๊ะควบคุมการทำงานของเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ (Prinect Press Center XL 2) ซึ่งจะพร้อมออกสู่ตลาดตั้งแต่พฤศจิกายน 2559 ในส่วนของฟังก์ชันการทำงานต่างๆ อย่างอนิคัลเลอร์ บูสเตอร์ และโปรแกรมการล้างที่รวดเร็วขึ้นจะพร้อมให้เลือกใช้ตั้งแต่กรกฎาคม 2559

การทดลองใช้จริงของโรงพิมพ์ได้ผลผลิตที่มากขึ้นด้วย อนิคัลเลอร์ 2

“เครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ XL75 Anicolor 2 ทำให้เราสามารถเพิ่มผลผลิตร่วม 10 เปอร์เซ็นต์ และความเร็วในการพิมพ์ที่จะเพิ่มมากขึ้นจากเดิมถึงอีก 1,000 แผ่นต่อชั่วโมง” คำยืนยันจากคุณเวนเดอลิน ลิบ (Wendelin Lipp) และคุณรีโท ฮาวริ (Reto Hauri) ผู้จัดการแผนกคอมเมอร์เชียลจากโรงพิมพ์ ดาส ดรุ๊คเคอร์ไร อัลบิรีเดน เอจี (DAZ Druckerei Albisrieden AG) ในเมืองซูริค คงไม่มีเครื่องพิมพ์อื่นใดที่จะเทียบเท่าความสามารถนี้ได้แล้ว โรงพิมพ์ ดาส ดรุ๊คเคอร์ไร ได้ลงเครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ XL75 Anicolor ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์จากการนำเสนอในงาน drupa 2012 หลังจากนั้นได้เริ่มใช้ อนิคัลเลอร์ 2 ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2558 และได้ใช้งานอนิคัลเลอร์ บูสเตอร์ สำหรับวัสดุพิมพ์ที่หลากหลาย ถึงแม้ว่าจะต้องพิมพ์บนกระดาษธรรมชาติตามความต้องการที่มีมากในช่วงเวลานั้นในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ พร้อมกับการพิมพ์บนกระดาษอาร์ตมันที่เงาพิเศษ แต่ก็สามารถทำได้ด้วยการใช้หมึกพิมพ์รุ่นเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนหมึกพิมพ์หรือลูกสกรีนแต่อย่างใด จำนวนที่พิมพ์ในแต่ละงานมีตั้งแต่ 50 ถึง 50,000 ใบพิมพ์ ซึ่งได้ชิ้นงานที่สามารถขายได้ทั้งหมดด้วยการใช้เพียง 30 แผ่นพิมพ์ในการเตรียมพร้อมพิมพ์โดยส่วนใหญ่

โรงพิมพ์ ดรุ๊คเฮ้าส์ มายแฟร้งเค่น จีเอ็มบีเอช (Druckhaus Mainfranken GmbH) ในเมืองมาร์คไฮเดนฟิลด์ (Marktheidenfeld) เป็นโรงพิมพ์ที่ผลิตสิ่งพิมพ์ให้กับบริษัทออนไลน์ ฟลายเออร์อลาม (Flyeralarm) ในเมืองวุสเบิร์ก (Wurzburg) เมื่อไม่นานมานี้ได้เริ่มใช้งานเครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ XL 75 Anicolor 2 พร้อมระบบยูวี โดยเครื่องพิมพ์ตัวนี้มาแทนเครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ SX 52 Anicolor พร้อมระบบยูวี และอีกเครื่องในขนาดตัด 3 จากผู้ผลิตเครื่องพิมพ์อีกยี่ห้อ

“อนิคัลเลอร์ 2 ทำให้เริ่มมีแนวโน้มที่ดี เราใช้กับการพิมพ์งานที่มีการวางหลายๆงานเข้าด้วยกันบนกระดาษแผ่นเดียว และยังใช้วัสดุพิมพ์ที่ท้าทายต่อการทำงาน ด้วยเทคโนโลยีหมึกพิมพ์ยูวีจึงทำให้เราสามารถพิมพ์งานได้บนวัสดุพิมพ์ที่หลากหลาย และอนิคัลเลอร์ 2 ยังช่วยให้การปรับตั้งทำได้เร็วขึ้น และลดปริมาณของเสียลงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับวัสดุพิมพ์ที่มีราคาแพง” คุณอูริช ชเลตเตอร์ (Ulrich Stetter) กรรมการผู้จัดการของโรงพิมพ์เล่าให้ฟัง งานของโรงพิมพ์มีทั้งสติ๊กเกอร์และฉลากพีวีซี บนวัสดุพิมพ์ที่หลากหลาย เช่น กระดาษลินินหรือคุณภาพสูงและกระดาษอาร์ตด้าน จากการที่ต้องทำงานในหลายรูปแบบจึงเกิดความต้องการมากมายต่อเครื่องพิมพ์ ด้วยอนิคัลเลอร์ บูสเตอร์ ช่วยให้การทำงานที่มีหลากหลายนี้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันหมึกพิมพ์ยูวีอนิคัลเลอร์จากซาฟีร่ายังช่วยให้ได้งานพิมพ์ที่ดีที่สุด

รูปที่ 1 : ไฮเดลเบิร์กจะนำเสนอเครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ XL 75 Anicolor 2 สำหรับการทำงานที่คล่องตัวและได้ผลผลิตมากขึ้นในงาน drupa 2016 ดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับเม็ดประดับสีดำและสว่างบนโลโก้ “Anicolor” บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีของอนิคัลเลอร์กับการพิมพ์ดิจิตอล

รูปที่ 2 : โรงพิมพ์ ดรุ๊คเฮ้าส์ มายแฟร้งเค่น จีเอ็มบีเอช ใช้งานเครื่องพิมพ์สปีดมาสเตอร์ XL75 Anicolor พร้อมระบบยูวี เพื่อจะพิมพ์งาน Gang runs บนวัสดุพิมพ์ที่ท้าทายอย่างมาก โดยในรูปจากซ้ายไปขวามี คุณอูริช ชเลตเตอร์ กรรมการผู้จัดการ คุณคริสท็อบห์ เฟเรอ หัวหน้าฝ่ายการพิมพ์, คุณฟิลิป มิทนาคท์ ผู้จัดการหน่วยธุรกิจ และคุณแฟรงค์ ซูสเซอร์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของไฮเดลเบิร์ก มีความสุขอย่างมากกับโอกาสใหม่นี้

รูปที่ 3 : หัวใจสำคัญของ Anicolor 2 คือ Anicolor Booster ซึ่งสามารถสั่งงานได้เมื่อต้องการผ่านทางโต๊ะควบคุมการทำงานของเครื่องพิมพ์ (Prinect Press Center) ซึ่งช่วยให้ได้ขอบเขตและความเข้มของหมึกพิมพ์ได้มากขึ้น ทำให้สามารถพิมพ์งานกับวัสดุที่หลากหลายและสีพิเศษต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหมึกพิมพ์หรือลูกสกรีนที่ใช้

รูปภาพรวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถดูได้จากช่องทางสื่อในของไฮเดลเบิร์ก ที่ www.heidelberg.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อฝ่ายขาย โทร. 02 6106100

HEIDELBERG Thailand.

ติดต่อ บจก.ไฮเดลเบิร์ก กราฟฟิคส์ (ประเทศไทย)

เราหวังว่าจะได้รับข้อความจากคุณ
เพื่อให้สามารถตอบสนองคำขอของคุณได้อย่างรวดเร็ว เราต้องการข้อมูลบางอย่าง
โปรดกรอกข้อมูลดังนี้*

ได้รับข้อเสนอ